วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

ใบงานที่5 บทความหรือสารคดีที่น่าสนใจ


ผู้หญิงกับการแต่งหน้า










      
   การแต่งหน้านับเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตของผู้หญิงจำนวนมาก หากลองเอ่ยถามสุภาพสตรีใกล้ๆ ตัว แน่นอนว่าหนึ่งในกิจวัตรหลักอย่างหนึ่งของสุภาพสตรีหลายๆ คนก่อนออกจากบ้าน คือ การแต่งหน้า อาจจะเพื่อความสวยงาม ปกปิดสิ่งที่ไม่อยากเปิดเผย เสริมความมั่นใจ และอีกเหตุผลนานับประการ แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นก็ล้วนแต่ทำให้การแต่งหน้ากลายมาเป็นรายการอันดับต้นๆ ที่คุณผู้หญิงต้องทำ
    
       เครื่องสำอางค์อาร์ทิสทรีโดยแอมเวย์ ร่วมกับสวนดุสิตโพล ทำการสำรวจเรื่อง “พฤติกรรมการแต่งหน้าของญิงไทย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการศึกษาพฤติกรรมการแต่งหน้าตลอดจนพฤติกรรมการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของสุภาพสตรีที่มีอายุระหว่าง 20-35 ปี อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,023 คน โดยดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 28 เมษายน-14 พฤษภาคม 2553 พบว่า ผู้หญิงกลุ่มตัวอย่างถึง 95% แต่งหน้า โดยกลุ่มนี้มีการแต่งหน้าแบบใช้รองพื้น 71% และแต่งหน้าแบบไม่ได้ใช้รองพื้นอีก 24% รวมถึงยังมีผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งหน้าอีก 5%
    
       นอกจากนี้ พบว่า กลุ่มผู้หญิงตัวอย่าง 34% แต่งหน้าทุกวัน และ 37% แต่งหน้าเฉพาะวันทำงาน โดยกลุ่มผู้หญิงส่วนใหญ่เชื่อว่า การแต่งหน้ามีประโยชน์และมีความสำคัญในการช่วยให้สวยงามและเสริมบุคลิกภาพ 28% รองลงมาช่วยแก้ไขข้อบกพร่องและเสริมจุดเด่นบนใบหน้า 27% ถัดมาคือ ช่วยลดวัยทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงถึง 16%

        และยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าการแต่งหน้ามีความสำคัญต่อชีวิตและจิตใจของผู้หญิงมาก คือ ผลการสำรวจที่ระบุว่ากลุ่มตัวอย่างถึง 67% รู้สึกไม่มั่นใจเวลาไม่แต่งหน้าออกจากบ้าน โดยในจำนวนนี้ 40% รู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อย12% รู้สึกไม่มั่นใจเลย และไม่สามารถออกจากบ้านโดยไม่แต่งหน้าได้ 8% ออกจากบ้านได้ แต่จะพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่อาจจะพบคนรู้จัก และ 7% รู้สึกเหมือนคนป่วยเวลาไม่ได้แต่งหน้า บางคนต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น เว่นตาดำ เพื่ออำพรางริ้วรอย เป็นต้น
    
       จากผลการสำรวจข้างต้นทำให้เครื่องสำอางอาร์ทิสทรีเข้าใจความต้องการของผู้หญิงได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเหตุผลที่ยังมีผู้หญิงหลายๆ คนยังไม่กล้าใช้รองพื้น เพราะเกรงว่าจะดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือรู้สึกเหนอะหนะ ยุ่งยาก ผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มรองพื้น “อาร์ทิสทรี เฟซ (ARTISTRY FACE)” จะช่วยแก้ปัญหาในการใช้รองพื้นแต่งหน้ารวมถึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงได้อย่างครบถ้วน

        โดยอาร์ทิสทรีได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์รองพื้น“อาร์ทิสทรี เฟซ (ARTISTRY FACE)” รองพื้นที่ “รู้จัก” ผิวของผู้หญิงอย่างแท้จริง ด้วยหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรองพื้นเหลว แป้งแข็งผสมรองพื้น แป้งฝุ่น แป้งฝุ่นอัดแข็ง หรือคอนซีลเลอร์ อาร์ทิสทรีใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อผลิตรองพื้นให้ผิวทุกโทนสีเรียบเนียนสวยสมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยคุณสมบัติสองประสิทธิภาพ คือ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวก่อนจะเริ่มต้นขั้นตอนแรกของการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ประกอบด้วย 4 เทคโนโลยีหลัก
    
       ได้แก่ อาร์ทิสทรี ไอดีล เฉด เทคโนโลยี(Artistry Ideal Shade Technology) ทำให้อณูเนื้อแป้งปรับเฉดสีเข้ากับสีผิวธรรมชาติของแต่ละคนได้อย่างลงตัว ทำให้การเลือกเฉดสีง่ายดายยิ่งขึ้น พร้อมด้วยอาร์ทิสทรี ไอดีล พาวเดอร์ เทคโนโลยี (Artistry Ideal Powder Technology) ช่วยให้สามารถรองพื้นได้เรียบเนียนสวย ปกปิดริ้วรอยและจุดบกพร่องต่างๆ ได้ดีอาร์ทิสทรี ออร่า ออฟ โพร เท็คชั่น (Artistry Aura of Protection) และโปรเทกทีฟ คอมเพลกชั่น แบริเออร์ (Protective Complexion Barrier) ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สารป้องกันแสงแดดที่เป็นมิตรกับผิว ช่วยป้องกันแสงแดดด้วยค่า SPF ที่สูงขึ้น และช่วยป้องกันรังสียูวีเอ/ยูวีบี ที่จะช่วยให้การแต่งหน้าโดยใช้รองพื้นของผู้หญิงง่ายขึ้นและยังช่วยให้ผู้หญิงไทยสวยขึ้น
    
       การแต่งหน้านับว่าเป็นความสุขของผู้หญิงหลายๆ คน ที่จะได้มองเห็นความงดงามของตนเอง และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงที่จะได้ทำตามความต้องการของตนได้อย่างเต็มที่ หากว่าการแต่งหน้าจะเป็นปัจจัยที่ 5 ที่จะอยู่เคียงข้างความสวยงามและความสำเร็จของผู้หญิงแล้ว อาร์ทิสทรีก็ขอสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดีๆ อย่างไม่หยุดยั้งในการสนับสนุนความสวยงามและความมั่นใจของผู้หญิงไทยต่อไป..


       

รู้จักเครื่องสำอาง ก่อนแต่งสวย  (มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค)

        เดี๋ยวนี้เครื่องสำอางเป็นได้หลายอย่าง เป็นทั้งของตบแต่งเพื่อความสวยความงาม เป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจ บางอย่างก็ยังสร้างบุคลิกใหม่ๆ ให้อย่างเช่นการเปลี่ยนสีผม แต่บางครั้งเครื่องสำอางก็อาจทำพิษกับเราได้ทั้งจากความไม่ระมัดระวังในการใช้ หรือจากสารอันตรายที่อยู่ในเครื่องสำอางต่างๆ การมาทำความรู้จักกับเครื่องสำอางให้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน สำหรับสาวใหญ่สาวน้อยที่ชอบแต่งแต้มสีสันให้กับตัวเอง


 เครื่องสำอางไม่ใช่ยา ยาไม่ใช่เครื่องสำอาง

        เครื่องสำอางใช้ทาถูบนร่างกายเพื่อทำความสะอาด แต่งแต้มให้สวยงาม เพิ่มความดึงดูด และเปลี่ยนแปลงสภาพภายนอก เช่น ครีมทาผิว โลชั่น น้ำหอม ลิปสติค ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์รอบผิวหน้าและดวงตา น้ำยาดัดผม น้ำยาโกรกสีผม รวมทั้งยาสีฟัน

        ยา ใช้เพื่อแก้ไขรักษา และป้องกันโรคที่เกิดกับร่างกาย ส่วนเครื่องสำอางไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือมีผลต่อโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกาย

 มีอะไรอยู่ในเครื่องสำอาง?

        น้ำหอมและสารกันเสียนับได้ว่าเป็นองค์ประกอบหลักสำคัญในเครื่องสำอาง

         น้ำหอม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการแพ้ของผิวหนัง น้ำหอมประกอบด้วยสารเคมีและสารธรรมชาติต่างๆ รวมกันมากมาย เครื่องสำอางที่ติดฉลากว่า "ปราศจากน้ำหอม" บางชนิดปราศจากการใส่น้ำหอมจริงๆ แต่บางผลิตภัณฑ์ยังมีการปรุงแต่งด้วยน้ำหอมเล็กน้อยเพื่อกลบกลิ่นไขและสารประกอบอื่นๆ

        สารกันเสียในเครื่องสำอาง นับเป็นอันดับสองรองจากน้ำหอมที่ก่อให้เกิดปัญหาทำให้ผิวหนังแพ้ได้ สารกันเสียทำหน้าที่กันเชื้อแบคทีเรียและราไม่ให้เจริญเติบโตในผลิตภัณฑ์ และยังป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสียง่าย เมื่อได้รับแสงและความร้อน

        สีในเครื่องสำอาง ต้องเป็นสีที่ปลอดภัยตามข้อกำหนดของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คือ สีที่ใช้สำหรับ อาหาร ยา และเครื่องสำอาง (FD&C) หรือสีที่ใช้สำหรับยาและเครื่องสำอาง (D&C) หรือสีใช้ภายนอกสำหรับยาและเครื่องสำอางเท่านั้น

 ความปลอดภัยของเครื่องสำอางขึ้นอยู่กับอะไร?

        เครื่องสำอางส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัย ยกเว้นเครื่องสำอางปลอม หรือชนิดที่ผิดกฎหมาย ความไม่ปลอดภัยบางครั้งเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น

        การขยี้ตาที่มีมาสคาร่า ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ถ้าไม่รักษา เพื่อความปลอดภัยไม่ควรเขียนคิ้ว ทาขอบตา ระหว่างที่เดินทางในรถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน

        ไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น เพราะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์จากเราเองไปสู่ผู้อื่น หรือจากผู้อื่นมาสู่เราได้ รวมถึงการไม่ใช้หวีร่วมกัน ไม่ใช้สบู่อาบน้ำก้อนเดียวกัน เพราะเชื้อโรคหรือเชื้อจุลินทรีย์เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

        ณะนอนหลับ ไม่ควรมีเครื่องสำอางอยู่รอบดวงตาและผิวหน้า เพราะเคมีในเครื่องสำอางอาจเข้าตาเมื่อขยี้ตาได้และปัญหาตาอักเสบจะตามมาได้ง่าย

        ผลิตภัณฑ์ประเภทแอโรซอล ไม่ควรวางกระป๋องแอโรซอลใกล้ความร้อนหรือไฟ หรือใกล้คนที่ชอบสูบบุหรี่ เพราะองค์ประกอบในผลิตภัณฑ์ติดไฟง่าย สามารถระเบิดได้ ระหว่างการใช้งาน เช่น สเปรย์ผม ให้ระวังไม่สูดดมเข้าไป เพราะจะสะสมที่ปอด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดได้

 จะป้องกันตนเองจากอันตรายของเครื่องสำอางอย่างไร?

           ไม่แต่งหน้าระหว่างขับรถ หรือโดยสารในรถ

           ไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น

           ปิดภาชนะให้แน่น เก็บให้พ้นจากแสงและความร้อน

           อย่าใช้เครื่องสำอาง หากมีปัญหาตาอักเสบ และทิ้งผลิตภัณฑ์ไปหากพบปัญหา เช่น เก่าเก็บ เนื้อครีมสลายตัว

           อย่าเติมของเหลวหรืออื่นๆ ลงในผลิตภัณฑ์ ยกเว้นมีคำแนะนำบนฉลาก

           โยนทิ้ง หากพบว่า สีเครื่องสำอางที่ใช้อยู่เริ่มเปลี่ยน หรือส่งกลิ่นผิดปรกติ

           อย่าใช้กระป๋องสเปรย์ใกล้ความร้อน หรือระหว่างสูบบุหรี่ เพราะอาจระเบิดได้

           อย่าสูดดมละอองสเปรย์ หรือผงแป้งเข้าปอด เพราะถ้าดมสเปรย์ทุกวัน อาจเกิดการสะสมจนเกิดอันตรายต่อปอดได้

           หลีกเลี่ยงการใช้สีถาวรบริเวณรอบดวงตา เพราะมักจะมีโลหะ เช่น ตะกั่ว เป็นองค์ประกอบ ก่อให้เกิดอันตรายต่อตาได้


 เวชเครื่องสำอาง คืออะไร?

        ผลิตภัณฑ์บางชนิดเป็นได้ทั้งยาและเครื่องสำอาง เช่น แชมพูสระผม จัดเป็นเครื่องสำอางเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แต่หากมีองค์ประกอบของสารขจัดรังแคซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อราอันเป็นสาเหตุ ของรังแค แชมพูชนิดขจัดรังแคจะจัดเป็นยา และหาซื้อได้จากร้ายขายยาเท่านั้น ตัวอย่างอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติเป็นทั้งยาและเครื่องสำอาง เช่น ยาสีฟันผสมฟูออไรด์ ผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นตัวชนิดที่มีฤทธิ์ระงับเหงื่อ และครีมบำรุงผิวที่มีสารกันแดดชนิดเคมี (chemical sunscreening agent) ผลิตภัณฑ์เวชสำอางต้องมีคุณสมบัติครบทั้งทางเครื่องสำอางและยาตามที่ อย.กำหนด

 เครื่องสำอางสามารถเก็บได้นานแค่ไหน?

        ผลิตภัณฑ์ประเภทรอบดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาสคาร่า อายเชโด้ ดินสอเขียวคิ้วและขอบตา ไม่สามารถใช้ได้นานๆ เท่ากับชนิดอื่นๆ เพราะโอกาสในการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ระหว่างการใช้งานมีสูงมาก อาจทำให้เกิดอักเสบของเยื่อบุลูกตาได้ ผู้เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอางแนะนำให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทิ้งทุก 3 เดือนภายหลังจากการเปิดใช้งาน

        ผลิตภัณฑ์ประเภทสมุนไพรหรือชนิดที่มีองค์ประกอบจากธรรมชาติ มักจะเก็บได้ไม่นาน ผู้ใช้ควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ เช่น สี กลิ่น และความหนืดของเนื้อครีม เพราะทั้งสี กลิ่น และความหนืดที่เปลี่ยนไป แสดงถึงการสลายตัวของผลิตภัณฑ์ อาจมีสาเหตุจากการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ได้ เนื่องจากสารสกัดจากธรรมชาติมักจะไม่มีสารกันเสีย ถ้าพบการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นให้หยุดใช้ และทิ้งไปทันทีไม่ต้องเสียดาย นอกจากนั้นการเก็บผลิตภัณฑ์ต้องเก็บตามคำแนะนำบนฉลาก เช่น หลีกเลี่ยงจากความร้อน และแสงแดด หากเก็บไม่ได้ตามคำแนะนำ อายุของผลิตภัณฑ์จะสั้นกว่าวันหมดอายุที่กำหนดไว้บนฉลาก

 ระหว่างตั้งครรภ์โกรกสีผมได้หรือไม่?

        จากการศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองและในอาสาสมัคร พบว่า สีย้อมผมหรือสารเคมี จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยมากๆ ในระหว่างการโกรกสีผม และไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มีความรู้มากมายนักถึงผลกระทบต่อทารกในครรภ์ในระยะยาว หากไม่จำเป็น ควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเช่นนี้จะดีกว่า






























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น